MOVIE REVIEW AND STORYLINE: THE BOOGEYMAN BASED ON STEPHEN KING'S NOVEL, STAY CLOSE TO THE LIGHT

Movie Review and Storyline: The Boogeyman Based on Stephen King's novel, Stay Close to the Light

Movie Review and Storyline: The Boogeyman Based on Stephen King's novel, Stay Close to the Light

Blog Article

รีวิวหนัง The Boogeyman - เดอะ บูกี้แมน (ปีศาจในเงามืด จากนิยายของสตีเฟ่นคิง จงอยู่ใกล้แสงเข้าไว้)


Movie Review and Storyline: The Boogeyman Based on Stephen King's novel, Stay Close to the Light



ข้อมูลเกี่ยวกับภาพยนตร์


ชื่อเรื่อง : The Boogeyman เดอะ บูกี้แมน


ประเภท : สยองขวัญ / ลึกลับ


นำแสดงโดย : โซฟี แททเชอร์, วิเวียน ไลร่า แบลร์, คริส เมสซินา


กำกับโดย : ร็อบ ซาเวจ


กำหนดฉาย : 1 มิถุนายน 2023


ความยาว : 98 นาที




 

เรื่องย่อ


The Boogeyman (2023) เป็นภาพยนตร์สยองขวัญที่ดัดแปลงจากเรื่องสั้นของ Stephen King โดยภาพยนตร์เล่าเรื่องของครอบครัว Harper ที่กำลังเผชิญหน้ากับความสูญเสียและความเศร้าโศกหลังการตายของแม่ในครอบครัว Will Harper พ่อของเด็กๆ และนักบำบัดพยายามที่จะรับมือกับความเศร้าของตน ขณะที่ลูกสาว Sadie และน้องสาว Sawyer ก็พยายามปรับตัวเช่นกัน แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ในบ้านเริ่มรบกวนพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ Lester Billings คนไข้ที่มีปัญหามาหา Will และบอกว่าเขากำลังถูกตามล่าด้วยสิ่งที่น่ากลัวอย่าง "Boogeyman"​

 

เหตุการณ์ในบ้านเริ่มรุนแรงขึ้นเมื่อลูกสาวทั้งสองเริ่มเห็นเงามืดและสิ่งมีชีวิตลึกลับที่คุกคามพวกเขาโดยเฉพาะ Sawyer ที่ถูกหลอกหลอนอย่างรุนแรงโดย "Boogeyman" ที่เลียนเสียงของ Sadie เพื่อขู่ให้เธอกลัว ในขณะเดียวกัน Sadie ก็พยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับ Billings และพบกับภรรยาของเขา Rita Billings ซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านที่เต็มไปด้วยกับดักและไฟเพื่อป้องกัน Boogeyman แต่สุดท้าย Rita ก็ถูกปีศาจสังหารอย่างโหดเหี้ยม​

 

Sadie และ Sawyer เริ่มสืบหาความจริงและพบว่า Boogeyman นั้นเจาะจงโจมตีครอบครัวที่กำลังอยู่ในความโศกเศร้า ทำให้ครอบครัว Harper กลายเป็นเป้าหมาย Sadie และ Sawyer ร่วมมือกันเพื่อหาทางหยุดยั้งปีศาจนี้ พวกเขาตระหนักว่า Boogeyman กลัวแสงไฟและตัดสินใจใช้ไฟเพื่อสู้กับมันในตอนจบที่ระทึกใจ​ ในฉากสุดท้าย Boogeyman พยายามดูดพลังชีวิตของ Will แต่ลูกสาวของเขามาขัดขวาง พวกเขาสามารถเอาชนะ Boogeyman ได้ด้วยการจุดไฟเผามันด้วยความช่วยเหลือจากไฟแช็กที่เป็นของแม่ของพวกเขา ภาพยนตร์จบลงด้วยการที่ครอบครัว Harpers กลับมาใกล้ชิดกันมากขึ้นหลังจากที่ได้เรียนรู้การเปิดใจและแบ่งปันความรู้สึกที่ถูกเก็บกดไว้หลังการตายของแม่​

 

ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการชื่นชมในด้านบรรยากาศที่ชวนขนลุกและการแสดงที่น่าประทับใจของนักแสดงหลัก แต่ก็ยังมีการวิจารณ์เกี่ยวกับการพึ่งพาฉาก Jump Scare มากเกินไป อย่างไรก็ตาม "The Boogeyman" ยังคงสามารถสร้างความหวาดกลัวและตื่นเต้นให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดี​ รับชมหนังฟรี 2024 โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่ต้องสมัครสมาชิกให้ยุ่งยาก ได้แล้ววันนี้


 

ความรู้สึกหลังชมภาพยนตร์


เป็นหนังสยองขวัญจากมือนักเขียนนิยายสยองขวัญชื่อดัง Stephen King ที่ได้นำมาทำเป็นภาพยนตร์ขึ้นโรงอีกเรื่อง บอกเล่าเรื่องราวของเซดี้ ฮาร์เปอร์ (Sophie Thatcher) เด็กสาววัยรุ่นเพิ่งต้องสูญเสียแม่ไปอย่างกระทันหันจากอุบัติเหตุรถยนต์ เธอและครอบครัวต้องรับมือกับความเจ็บปวดในการสูญเสียครั้งนี้และต้องเจอกับเรื่องราวน่าสยดสยองที่ย่างกรายเข้ามายามที่อ่อนแอเพื่อจะตามล่าเอาชีวิตเธอ

 

The Boogeyman เป็นหนึ่งในหนังสยองขวัญสูตรสำเร็จที่ต้องบอกเลยว่าค่อนข้างดาษดื่น จำเจ และมีกลิ่นอายจากบางเรื่องอยู่นิด ๆ  ตัวหนังเน้นเนื้อหาดราม่าเกี่ยวกับครอบครัว พ่อ แม่ ลูก การสูญเสียแบบกะทันหันที่ต้องรับมือ ตัวหนังมีการดำเนินเรื่องที่ค่อนข้างกระชับ ดำเนินเรื่องไม่ช้าเกินไป ทั้งยังจัดเต็มตั้งแต่เริ่มเรื่องกันเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ได้จั้มสแกร์มากเกินไปนะ กำลังดีเลย มีการเล่นกับความมืดเยอะ ทำให้บางจุดอาจจะต้องเพ่งมองตามสักหน่อย แถมจังหวะจั้มสแกร์ก็ทำให้สะดุ้งและรู้สึกขนลุกตามได้ แต่สำหรับคนที่ดูหนังสยองบ่อย ๆ น่าจะพอเดาทางได้ง่าย ๆ เลย 

 

น่าเสียดายที่ไม่ค่อยมีซีนอะไรที่ทำให้รู้สึกว้าว หรือเซอไพรส์อะไรนัก ฉากที่ชอบที่สุดก็คงจะเป็นฉากที่พี่สาวพาน้องสาวไปหานักบำบัดเพื่อเผชิญหน้ากับความกลัวนี่ละ เป็นฉากที่เล่นกับความมืด และไฟที่กระพริบเป็นจังหวะให้เราได้ลุ้นตามตลอดเวลา ตื่นเต้นดี ส่วนตัวบทก็พอโอเคอยู่ ไม่มีตัวละครไหนบทรั้นจนน่ารำคาญเลย ชอบจุดนี้ที่สุด ติดตามเรื่องราวทั้งหมดของหนังได้ที่ 2u-hd.com เต็มเรื่อง ไม่มีโฆษณาคั่น ภาพคมชัด ระดับ HD ได้แล้ววันนี้

 

โดยส่วนตัวคิดว่าเรื่องราวเกี่ยวกับปีศาจในหนังสยองขวัญสัญชาติอเมริกาค่อนข้างมีเนื้อหาที่เริ่มน่าเบื่อเพราะทั้งเมคอัพตัวปีศาจเอง เอฟเฟค โทนเนื้อหาของเรื่อง จะค่อนข้างคล้าย ๆ กันจนพอเดาทางได้ แต่จังหวะการเล่าเรื่อง การสร้างบรรยากาศชวนหลอนกับความมืดที่ใส่เข้ามาของ The Boogeyman ทำให้รู้สึกตื่นเต้น สนุกกับหนังได้พอโอเคอยู่ ถือว่าเป็นหนังสยองที่ไม่แย่มากนัก แต่ก็ไม่ได้น่าจดจำสักเท่าไร โดยรวมตอนดูในโรงก็สนุกตื่นเต้นกับบรรยากาศดี แต่เมื่อดูจบแล้วกลับรู้สึกเฉยมาก



#หนังฟรี2024 #heBoogeyman #เดอะบูกี้แมน #รีวิวหนัง #MovieReview


 
กลับด้านบน

Report this page